วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

การสวดมนต์เป็นการสร้างบารมี 10 ทัศน์ (18 กันยายน 2558)

                                         **การสวดมนต์เป็นการสร้างบารมี 10 ทัศน์**
เรียบเรียงโดย ดร.เจตน์ คงด้วง(18 กันยายน 2558)                   แหล่งที่มา บทความจากหนังสือพิมพ์มติชน 16 กันยายน 255 ของนายแพทย์วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข

- ความเจริญมีมากเท่าใด ความเร็วมีผลต่อจิตใจ ตามไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ย่อมทำให้เกิดความสับสน เกิดสภาวะความหน้ามืดตามัว ความไม่รู้ เกิดอวิชชาในตัวเอง ก่อให้เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง
- ความปรารถนาของคนเราทุกๆคนนั้น คือ ความสุข
- เหตุการณ์หนึ่งของคนในหลายคนในสังคมไทย ต้องดิ้นรนทำมาหากิน หาทรัพย์ เลี้ยงชีพตนเอง จึงไม่มีเวลาจะกิน จะนอนหลับพักผ่อนไม่มี ลูกก็ปล่อยให้คนใช้เลี้ยง เวลาทำบุญอบรมจิตใจก็ไม่มี จึงกลายเป็นคนหยาบกระด้าง ไม่มีความสงบในจิตใจ ไม่มีความสุขให้กับชีวิตของตัวเอง
- คนเราเกิดมาแล้ว จะดูร่าง ได้ดีที่สุดคือตัวเรา เท่านั้น ร่างกายของเราต้องดูแลถนุถนอมด้วยปัจจัย 4 คืออาหาร
ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่นๆที่เป็นสาระแก่ร่างกาย เช่นการออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ละเว้นสิ่งที่เป็นยาพิษ ทำรายร่างกาย ฆ่าตัวเรา บันทอนตัวเราแบบผ่อนส่ง เช่น เหบ้า บุหรี่ การส่ำส่อนทางเพศจนติดเชื้อ HIV เป็นเอดส์
- การสวดมนต์ไหว้พระ เป็นธรรมประจำชีวิต เป็นการสร้างความดี เกิดความเป็นมงคลแก่ชีวิตเรา และครอบครัวอย่างร้อยเปอร์เซนต์ โดยสละเวลาเพียงวันละประมาณ 20-30 นาที ในเวลาใดก็ได้ที่เราว่าง เราสบายใจ จะทำเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอนก็ได้(โดยเวลา 24 ชั่วโมง เราแบ่งเวลาคร่าวเป็น 3 ช่วงคือ เวลานอน 8 ชั่วโมง เวลาทำกิจกรรมส่วนตัว 8 ชัวโมง เวลาทำงานหาเลี้ยงชีพ หาทรัพย์ 8 ชั่วโมง) โดยจะใช้ช่วงใหนของเวลาก็ได้สัก ครึ่งชั่วโมง โดยเริ่มสวดจากบท : 
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ

อะระหัง สัมมาสัมพุธโธ ภะคะวา 
พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ(กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ  สังฆัง นะมามิ(กราบ)

ต่อไปก็ตั้งนะโม 3 จบ :  นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาพุทธัสสะ(3 จบ)
ระหว่างตั้งนโม ก็ให้เอาเหรียญ 1 บาท 5 บาท 10 บาท หรือจะเท่าไรก็ได้แล้วแต่ความศรัทธา มาวางใว้บนบาตรเล็กๆหน้าหิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชา จากนั้นก็เริ่มสวด :
พุธธัง สาระนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สาระนัง คัจฉามิ
สังฆัง สาระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุธธัง สาระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สาระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สาระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุธธัง สาระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สาระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สาระนัง คัจฉามิ

ต่อจากนั้นก็เริ่มสวดบท พระพุทธคุณ(อิติปิโส ภะคะวา ฯลฯ) บทพระธัมมคุณ(สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม ฯลฯ) บทสังฆคุณ(สุปะฏิปันโน ภาคะวะโต สาวะกะสังโฆ ฯลฯ)

ถ้ามีเวลา ให้ต่อด้วย สวดบท พาหุง มหากา ฯลฯ  แล้วให้กลับมาสวดบท
พระพุทธคุณ(อิติปิโส ภะคะวา ฯลฯ) บทเดียว 9 จบ หรือเท่าอายุบวกหนึ่งถ้ามีเวลา

ต่อจากนั้น...ตั้งสมาธิจิต สักพักหนึ่งแล้วอธิษฐานจิต อธิษฐานจิตเอาเงินที่เราจบไว้ที่มือใส่เข้าไปในภาชนะที่เตรียมไว้ที่หิ้งพระ หรือที่โต๊ะหมู่บูชาเสร็จแล้วแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลทุกครั้ง ทำอย่างนี้ทุกวันอย่าให้ขาด เป็นมงคลกับชีวิตตนเอง เกิดความสุข เกิดความสำเร็จตามที่ต้องการ อย่างมหัศจรรย์
- สำหรับผู้ทีมีเวลามากหน่อย ก็ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิประมาณ 1 ชั่วโมง ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิประมาณ 1 ชั่วโมง
เพื่อนั่งเข้าไปสู่ศูนย์กลางกาย ประตูสู่พระนิพพาน เพื่อเข้าสู่นิพพาน ไม่มาเกิดเวียนว่ายในสังสารวัฏอีกต่อไป
ขณะสวดมนต์ เราสวดมนต์บูชาสรรเสริญพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และแผ่เมตตา จิตเรามีการสำรวม มีความตั้งใจสวด จิตก็มีสมาธิ ขณะสวดไปเราระวังมิให้ลืมบทสวด ก็เป็นการฝึกให้มีสติ คือระลึกได้
- ***การสวดมนต์ทำให้เกิดบารมี***
- บารมีแปลว่ากำลังใจ ซึ่งประกอบด้วย บารมี10 อย่างคือ 1) ทานบารมี 2)ศีลบารมี 3)เนกขัมมบารมี 4)ปัญญาบารมี 5)วิริยะบารมี 6)ขันติบารมี 7)สัจจะบารมี 8)อธิษฐานบารมี 9)เมตตาบารมี 10) อุเบกขาบารมี
ก่อนสวดเราทำทานโดยการยอดเหรียญใส่บาตเล็กๆหน้าองค์พระ เป็นการบำเพ็ญ 1) ทานบารมี ขณะสวดนั้นเราก็รักษาศีลไปในตัว เป็นการบำเพ็ญ 2)ศีลบารมี ขณะสวดจิตเราปราศจากนิวรณ์มากวนใจ เราก็จะได้3)เนกขัมมบารมี ขณะสวดจิตเรามีสติ และเกิดสมาธิ เกิดเป็น 4)ปัญญาบารมี ขณะสวดเรามีความตั้งใจจะปฏิบัติ ทำให้เกิดความเพียร ทำให้เกิด 5)วิริยะบารมี มีความอดทน ทำให้เกิด6)ขันติบารมี มีสัจจะในการกระทำความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ทำให้เกิด 7)สัจจะบารมี มีการอธิษฐานหลังจากสวดมนต์เสร็จ ทำให้เกิด8)อธิษฐานบารมี มีการแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้คนอื่น ทำให้เกิด 9)เมตตาบารมี ขณะแผ่ส่วนกุศล ทำให้เกิดความเมตตา ไม่โกรธ ไม่ชอบ ไม่ชังใคร ทำให้ใจนิ่ง จิตใจร่มเย็น ทำให้เกิด 10) อุเบกขาบารมี
- สรุป จะเห็นได้ว่า เพียงแค่สวดมนต์ เราก็ได้บารมีครบถ้วน สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปซึ่มทราบในจิตใจเราทีละน้อย เป็นการสะสมบารมี ส่งผลให้เราเป็นคนมีสติ จากคนที่ใจร้อน จิตใจจะเยือกเย็นขึ้น จะคิดจะทำอะไรก็สดวกใจขึ้น มีแต่คนเมตตาให้ความช่วยเหลือ เป็นศิริมงคลกับตนเอง จะเกิดฐานะดีตามมา มีปัญญา จะมีความสุข
ความเจริญยิ่งๆขึ้นในชีวิต

                                             ........................จบ.........................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น